List of content

Federal Fund Rate (FFR) สำคัญอย่างไร? เรื่องที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้


Federal Fund Rate (FFR)

ในตลาดการลงทุน สกุลเงินที่นับว่ามีความสำคัญอันดับหนึ่ง คือ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะการเปลี่ยนแปลงของมันสามารถส่งผลต่อค่าสกุลเงินอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน และหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อสกุลเงิน USD มากที่สุด คือ ดอกเบี้ย FED หรือ Federal Fund Rate (FFR) เทรดเดอร์มือใหม่หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำนี้กันมาบ้าง หรือหากใครกำลังศึกษาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับดอกเบี้ย FED ให้มากขึ้นกันครับ

 

FED คือใคร?


FED หรือ Federal Reserve คือ ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการนโยบายเกี่ยวกับการเงินของประเทศ รวมถึงเฝ้าระมัดระวังและควบคุมสถาบันการเงิน เพื่อรักษาความมั่นคงของเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศ โดยนโยบายของ FED ที่เหล่านักลงทุนรายใหญ่ และรายย่อยต่างให้ความสำคัญก็คือ นโยบายเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (FFR)

 

การประชุม FOMC คืออะไร?


FOMC (Federal Open Market Committee หรือ FOMC) คือ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ โดยมีสมาชิก 12 คน ประกอบด้วย สมาชิกจากบอร์ดผู้ว่าการ 7 คน และ ผู้ว่าการธนาคารกลาง 5 คน ถือเป็นการประชุมสำคัญที่จัดขึ้นโดยธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา โดยจัดขึ้นทุก 6 สัปดาห์ รวมทั้งหมดปีละ 8 ครั้ง แต่กำหนดการสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์เศรษฐกิจและปัจจัยอื่น ๆ

 

Federal Fund Rate (FFR) คืออะไร?

 

Federal Fund Rate (FFR) คือ อัตราดอกเบี้ยของการกู้เงินข้ามคืนระหว่างธนาคารพาณิชย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเครื่องมือที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ใช้จัดการ และควบคุมปริมาณเงินและอัตราดอกเบี้ยในเศรษฐกิจ ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ย คงดอกเบี้ย หรือลดดอกเบี้ย จะพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในขณะนั้น และประกาศหลังการประชุมคณะกรรมการตลาดเสรีกลาง หรือ FOMC (Federal Open Market Committee)

 

Federal Fund Rate (FFR) ทำงานอย่างไร?


ในกรณีที่ FED ต้องการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจจากภาวะซบเซา จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อทำให้การกู้ยืมถูกลง ถือเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไป และภาคธุรกิจเกิดการใช้จ่ายและการลงทุนเพิ่มมากขึ้น

ในทางตรงกันข้าม กรณีที่ FED ต้องการชะลออัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ เนื่องจากมีการเติบโตเร็วเกินไปจนอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อได้ ก็จะทำการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอไม่ให้เกิดการลงทุนมากจนเกินไป