รู้จัก Fed Dot Plot เครื่องมือคาดการณ์เศรษฐกิจสุดชาญฉลาด!

หลายท่านอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการประชุม Fed กันมาบ้างแล้ว แต่รู้ไหมครับว่า การประชุมดังกล่าว ยังมีเครื่องมือหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ประชาสัมพันธ์ให้กับเหล่านักลงทุนและผู้ที่ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจทราบเกี่ยวกับเนื้อหาการประชุม นั่นก็คือ Dot Plot วันนี้ทีมงาน Fxbrokerscam จะพาไปทำความรู้จัก Fed Dot Plot พร้อมวิธีการอ่านอย่างละเอียด และบอกความสำคัญว่า ทำไมนักลงทุนจึงต้องติดตาม Fed Dot Plot หากพร้อมแล้วไปอ่านกันเลยครับ

FED หรือธนาคารกลางสหรัฐ มีชื่อย่อสั้น ๆ มาจากคำว่า Federal Reserve System ครับ FED ถูกก่อตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1913 ซึ่งถือเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงินมากที่สุดเป็นประวัติการ ทำให้ช่วงปีดังกล่าว เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรงครับ FED จึงถูกก่อตั้งมาเผื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ณ ช่วงเวลานั้น หน้าที่หลักของ FED คือ จะดูแลนโยบายการเงิน เงินเฟ้อ ภาพรวมของเศรษฐกิจ รวมถึงการจ้างงานของประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านการควบคุมอัตราดอกเบี้ย โดยใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Federal Fund Rate, Quantitative Easing และ Reserve Requirements เป็นต้น

การประชุม FED หรือการประชุม FOMC ถือเป็นการประชุมและหารือเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน โดยการประชุมจะดำเนินการโดยมีสมาชิก FOMC หรือสมาชิกจากคณะกรรมการตลาดเสรีกลางของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เข้าร่วมการประชุม เนื้อหาที่ทำการประชุมจะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดการลงทุนไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะติดตามการประชุม FOMC เพื่อวางแผนการลงทุนในระยะยาว หรือนักลงทุนที่เป็นสายเทรดชนข่าวก็จะอาศัยช่วงจังหวะนี้ในการเข้าทำกำไรนั่นเองครับ

Fed Dot Plot คือ แผนภูมิจุดที่ใช้แสดงข้อมูลเชิงปริมาณ ซึ่ง Fed Dot Plot ถือเป็นแผนภูมิที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เลือกใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยแต่ละจุดบนแผนภาพจะแสดงถึงความเห็นต่ออัตราดอกเบี้ยที่สมาชิก FOMC เห็นว่าเหมาะสมครับ โดย Dot Plot ถูกเริ่มนำมาใช้เมื่อปี 2012 ในช่วงภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว

Fed Dot Plot มีจุดประสงค์ในการนำมาใช้งาน ดังนี้

1. ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการคาดการณ์ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

2. เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสในการดำเนินนโยบายทางการเงิน

3. เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงความคิดเห็นต่ออัตราดอกเบี้ยของสมาชิก FOMC

4. เพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์แนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยและวางแผนการลงทุนได้
   

คุณสามารถติดตามประกาศ Fed Dot Plot ได้ที่เว็บไซต์ธนาคารกลางสหรัฐ โดยทำตามวิธีต่อไปนี้

1. เข้าสู่เว็บไซต์ธนาคารกลางสหรัฐ

2. กดที่ Search

3. ค้นหาคำว่า “Summary of Economic Projections”

4. จากนั้นให้เลือกรอบประชุมที่ต้องการดูได้เลยครับ

โดยปกติ Fed Dot Plot จะอัปเดตทุกครั้งหลังการประชุม FOMC ครับ แม้ใน 1 ปี จะมีการจัดประชุมขึ้นปีละ 8 ครั้ง แต่การอัปเดต Fed Dot Plot จะมีการเผยแพร่ออกมาทุกสิ้นไตรมาสครับโดยจะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม, มิถุนายน, กันยายน และธันวาคม

Fed Dot Plot เป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อการเทรด Forex และการลงทุนประเภทอื่น ๆ ครับ เพราะนโยบายทางการเงินที่ธนาคารกลางสหรัฐออกมาแต่ละรอบสามารถส่งผลต่อค่าเงินและตลาดการลงทุนทั่วโลก เนื่องจากขนาดเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐมีสัดส่วนมากถึง 25% ของ GDP โลก ทำให้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลกระทบต่อทั่วโลกได้ครับ อีกทั้ง ค่าเงินดอลลาร์ก็ยังเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยที่มีผลโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้าของประเทศอื่น ๆ และในด้านของการลงทุนก็ส่งผลเช่นกันครับ

ตัวอย่างผลกระทบต่อตลาดการลงทุน

1. การปรับเพิ่มหรือลดอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์โดยตรง สำหรับนักลงทุน Forex ที่เทรดคู่เงินที่มี USD เกี่ยวข้อง อาจจะต้องปรับกลยุทธ์ในการลงทุนให้ดี

2. การปรับลดอัตราดอกเบี้ย มักจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มมากขึ้นได้ครับ

3. หากมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย อาจจะเกิดการเทขายสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่ และเข้ามาถือครองพันธบัตรสหรัฐ เพื่อหาโอกาสในการทำกำไรจากสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงมากกว่า

หากคุณต้องการอ่านแผนภาพ Fed Dot Plot ให้เข้าใจและสามารถนำไปใช้งานได้จริง ลองใช้วิธีเหล่านี้ในการพิจารณาแผนภาพดูครับ

วิธีที่ 1 เข้าใจองค์ประกอบแผนภาพ Fed Dot Plot

• แกน X คือ ปี

• แกน Y คือ เปอร์เซ็นต์ของอัตราดอกเบี้ย

• จุด คือ ความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสมาชิกแต่ละท่าน (มี 19 จุด แทนสมาชิก 19 คน)

วิธีที่ 2 วิเคราะห์การกระจายของจุดบนกราฟ Fed Dot Plot

• ดูจำนวนจุดที่อยู่ในแต่ละช่วงของอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการว่ามีความเห็นไปในทิศทางใด

• หากจุดกระจายตัวกัน หมายความว่า คณะกรรมการแต่ละท่านมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน อาจบ่งบอกได้ถึงความไม่แน่นอนของนโยบายทางการเงินได้