List of content
9 โบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ ลงทุนได้จริง ไม่ลูกโซ่ 2023
Forex คือ การโกง – แชร์ลูกโซ่จริงหรือไม่? ทำไมถึงเป็นช่องทางในการโกงให้แก่มิจฉาชีพ หลังจากที่มีข่าวสะเทือนวงการไป ก็ทำให้ผู้คนมากมายกลัวคำว่า “Forex” เป็นพิเศษ แต่แท้จริงแล้ว มันคืออะไรกันแน่ วันนี้ เราจะมาขยายความกันครับ
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Forex
ในความเป็นจริง Forex หรือ FX (Foreign Exchange) คือ การซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ ทุกที่ที่มีการแลกเปลี่ยนสกุลเงินย่อมหมายถึง Forex นั่นหมายความว่า แม้แต่การแลกเงินกับธนาคารหรือจุดแลกเงินต่าง ๆ ก็คือ Forex ครับ ทุกคนเริ่มเห็นกันแล้วใช่ไหมครับว่า จุดเริ่มต้นที่แท้จริงนั้นไม่เกี่ยวกับการโกงแต่อย่างใด
โบรกเกอร์ Forex คืออะไร ?
แล้วธุรกิจเกี่ยวกับโบรกเกอร์ Forex คืออะไร? มันก็คือ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ให้บริการเกี่ยวกับค่าเงิน ซึ่งเราที่อยู่ในฐานะเทรดเดอร์ก็เข้ามาทำกำไรจากค่าเงินที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ ส่วนโบรกเกอร์ก็ได้กำไรจากส่วนต่าง (สเปรด) หรือความถ่างของคู่สกุลเงินที่เราต้องการเทรด โดยสเปรดจะถ่างมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์นั้น ๆ ทำให้มันกลายเป็นอีกหนึ่งในคุณสมบัติที่เทรดเดอร์จำนวนมากใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกโบรกเกอร์
โดยการจะเป็นโบรกเกอร์ได้นั้น จำเป็นต้องมีใบอนุญาตหรือการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ และปฏิบัติตามกฏของหน่วยงานนั้น ๆ ซึ่งใบอนุญาตที่ว่านี้ ก็คือ สิ่งที่ใช้วัดความน่าเชื่อถือของแต่ละโบรกเกอร์ครับ
ใบอนุญาตคืออะไร สำคัญอย่างไร ?
ใบอนุญาต Forex (Forex License หรือ Forex Regulator) คือ ใบรับรองความปลอดภัยที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของแต่ละประเทศ ซึ่งหมายความว่า หากโบรกเกอร์หนึ่งได้รับใบรับรองจากหน่วยงานใด ก็จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานนั้น อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่าระดับความน่าเชื่อถือของใบอนุญาตจากทุกหน่วยงานจะเหมือนกัน เพราะเขตอำนาจการควบคุม ตลอดจนการตรวจกรองต่าง ๆ จะส่งผลต่อความแข็งแกร่งของใบอนุญาตนั้น ๆ
ดังนั้น ในบางครั้ง เราก็เลือกโบรกเกอร์จากความน่าเชื่อถือของใบอนุญาต เพราะยิ่งใบอนุญาตมีความน่าเชื่อสูงเท่าไหร่ ก็จะทำให้ความปลอดภัยสูงขึ้นเท่านั้นครับ หากวันหนึ่งโบรกเกอร์ที่เราเทรดอยู่เกิดมีข้อพิพาทหรือปิดตัว หน่วยงานกำกับดูแลเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและชดเชยผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่สูญเสียไป
อันดับความน่าเชื่อถือของใบอนุญาต
ในการประเมินความน่าเชื่อถือของใบอนุญาต Forex มีการแบ่งระดับหลายแบบ ซึ่งในวันนี้ เราจะแบ่งระดับตามความทรงอิทธิพลของเขตอำนาจ ดังนี้
1) Prime Market Jurisdictions (A) – เขตอำนาจของตลาดหลัก
ตลาดหลัก คือ ตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุด ดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลของประเทศเหล่านี้จึงมีความเข้มงวดค่อนข้างมาก หน่วยงานตัวอย่าง เช่น Commodity Futures Trading Commission (CFTC), National Futures Association (NFA) และ Swiss Financial Market Supervisory Authority (FINMA) เป็นต้น
2) Versatile Jurisdictions (B) – เขตอำนาจที่ครอบคลุม
อันดับต่อมา คือ หน่วยงานที่มีข้อกำหนดด้านเงินทุนและการรายงานที่ต่ำกว่าตลาดหลัก โดยมีตัวอย่างหน่วยงาน เช่น Financial Conduct Authority (FCA) และ Australian Securities and Investments Commission (ASIC)
3) Popular Jurisdictions (C) – เขตอำนาจที่เป็นที่นิยม
เขตอำนาจระดับ C ประกอบด้วยหน่วยงานกำกับดูแลที่ให้ความคุ้มครองในระดับหนึ่งแก่ลูกค้าของบริษัทนายหน้า โดยกำหนดให้โบรกเกอร์ต้องมีสำนักงานอยู่ในท้องถิ่นที่มีการกำกับดูแล แต่ไม่ต้องรายงานละเอียดเหมือนประเทศข้างต้น หน่วยงานตัวอย่าง เช่น Securities and Exchange Commission (CySEC), Financial Markets Authority (FMA) และ Malta Financial Services Authority (MFSA)
4) Offshore Jurisdictions (D) – เขตอำนาจของประเทศหมู่เกาะ
สุดท้าย คือ เขตอำนาจของประเทศหมู่เกาะ ซึ่งในบริบทของตลาด Forex เป็นเขตอำนาจที่อยู่นอกศูนย์กลางทางการเงินแบบดั้งเดิมของโลก นั่นหมายความว่า กฎหมายทางการเงินไม่ได้รับการพัฒนาดีเท่าเขตอำนาจอื่น ๆ แต่อย่างไรก็ดี มันไม่ได้แย่อย่างที่คิดมากนัก เพราะหน่วยงานเหล่านี้ได้รับแรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลใหญ่ ๆ ให้ยอมรับกฎหมายการเงินระหว่างประเทศและเงื่อนไขที่รัดกุมขึ้น
โดยหน่วยงานตัวอย่าง คือ British Virgin Islands Financial Services Commission (BVIFSC), Saint Vincent and the Grenadines Islands Financial Regulatory Authority (SVG FSA) และ International Financial Services Commission (IFSC)
ใบอนุญาตทั้งหมดนี้ มาจากหน่วยงานกำกับดูแลที่มีชื่อเสียงลดหลั่นระดับกันไป ทุกท่านสามารถเลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสมหรือความพึงพอใจ อย่างไรก็ดี หน่วยงานกำกับดูแลก็ไม่ใช่ทั้งหมดแต่อย่างใด เพราะยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ที่สามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกเช่นกันครับ ขอให้เป็นเพียงโบรกเกอร์ที่สามารถลงทุนได้จริง ไม่ใช่ลูกโซ่ก็เพียงพอครับ
9 โบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ 2023
1. IUX Markets
IUX Markets เป็นโบรกเกอร์ที่ค่อนข้างมาแรงในประเทศไทย เพราะโดดเด่นเรื่องค่าสเปรดที่ต่ำ และบริการด้านฝากถอนที่ค่อนข้างรวดเร็ว โดย IUX Markets มีบริษัทดำเนินงานโดย IUX Markets Limited ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการควบคุมและได้รับอนุญาตด้านหลักทรัพย์การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศโดยคณะกรรมการบริการทางการเงิน ก่อตั้งเมื่อปี 2016 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศ St. Vincent and the Grenadines
ใบอนุญาตและการรับรอง
- St. Vincent & The Grenadines Financial Services Authority (SVGFSA)
- National Futures Association (NFA)
แพลตฟอร์มที่รองรับ
- WebTrader5
- MetaTrader 5
ประเภทบัญชี
1) บัญชี Standard
2) บัญชี Standard +
3) บัญชี Raw
4) บัญชี Pro
จุดเด่น/จุดด้อย
| จุดเด่น | จุดด้อย |
|---|---|
|
- ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ - มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินและสินทรัพย์ - ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงิน - ยอดเงินฝากขั้นต่ำน้อย เพียง $10 (ราว 340 บาท) - การฝากถอน ยอดเงินเข้าเร็ว - ค่า Spread ต่ำ - Leverage สูง - ไม่มีค่า Swap - มีโปรโมชันและโบนัสฟรี - เว็บไซต์และระบบค่อนข้างเสถียร ส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว - ไม่มีปัญหา Requote - มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย - เหมาะสำหรับเทรดเดอร์รายย่อย และลูกค้าชาวไทย |
- ไม่รองรับ MT4 |
2. Swissquote
Swissquote เป็นธนาคารชั้นนำของสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของ Swissquote Group Holding Ltd จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซูริค ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดยให้บริการครอบคลุมถึงการซื้อขายหลักทรัพย์อย่างกองทุน หุ้น ผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ พันธบัตร ฟอเร็กซ์ CFD และสกุลเงินดิจิทัล
ใบอนุญาตและการรับรอง
- Swiss Financial Market Supervisory Authority (FINMA)
- Financial Conduct Authority (FCA)
- Dubai Financial Services Authority (DFSA)
- Securities and Futures Commission (SFC)
- Malta Financial Services Authority (MFSA)
- Monetary Authority of Singapore (MAS)
แพลตฟอร์มที่รองรับ
- eTrading
ประเภทบัญชี
1) บัญชี Trading & Crypto
2) บัญชี Forex & CFD
3) บัญชี Robo-Advisory
จุดเด่น/จุดด้อย
| จุดเด่น | จุดด้อย |
|---|---|
|
- มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะเป็นธนาคารชั้นนำระดับโลก ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง - มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินและสินทรัพย์ - ฟรีค่า Swap |
- เหมาะกับนักลงทุนบางกลุ่มเท่านั้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่และกลุ่มสถาบัน - ยอดเงินฝากขั้นต่ำสูงถึง €1,000 (ราว 36,000 บาท) - ค่า Spread กว้าง - Leverage ต่ำ - ไม่มีโปรโมชันและโบนัสฟรี - ไม่มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย |
3. Saxo Bank
Saxo Bank ธนาคารเพื่อการลงทุนของเดนมาร์กที่เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายและการลงทุนออนไลน์ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มธุรกิจด้าน Broker ในยุโรป ก่อตั้งขึ้นในฐานะบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เมื่อปี 1992 ด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ทำให้ Saxo Bank กลายเป็นโบรกกเกอร์ชั้นนำของยุโรป ที่ให้บริการลูกค้ากว่า 170 ประเทศทั่วโลก
ใบอนุญาตและการรับรอง
- Australian Securities & Investment Commission (ASIC)
- Securities and Futures Commission (SFC)
- Japanese Financial Services Authority (JFSA)
- Monetary Authority of Singapore (MAS)
- Swiss Financial Market Supervisory Authority (FINMA)
- Financial Conduct Authority (FCA)
แพลตฟอร์มที่รองรับ
- SaxoTraderGO
ประเภทบัญชี
1) บัญชี Classic
2) บัญชี Platinum
3) บัญชี VIP
จุดเด่น/จุดด้อย
| จุดเด่น | จุดด้อย |
|---|---|
|
- มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะเป็นธนาคารชั้นนำระดับโลก ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง - มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินและสินทรัพย์ - ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงิน - ค่า Spread ต่ำ - Leverage สูง |
- เหมาะกับนักลงทุนบางกลุ่มเท่านั้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายใหญ่และกลุ่มสถาบัน - ยอดเงินฝากขั้นต่ำสูงถึง $2,000 (ราว 67,000 บาท) - มีค่า Swap - ไม่มีโปรโมชันและโบนัสฟรี - ไม่มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย |
4. XM
XM อยู่ภายใต้การบริหารของ Trading Point Holdings Ltd และก่อตั้งเมื่อปี 2009 โดยเป็นโบรกเกอร์ Forex ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากทีมงานที่มีประสบการณ์และฝีมือ จนกลายเป็นบริษัทการลงทุนที่มีชื่อเสียงและแข็งแกร่ง มีฐานลูกค้ามากกว่า 3.5 ล้านคนทั่วโลก รวมถึงลูกค้าชาวไทย
ใบอนุญาตและการรับรอง
- Financial Services Commission, Mauritius (FSC)
- Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
- Australian Securities & Investment Commission (ASIC)
- Dubai Financial Services Authority (DFSA)
แพลตฟอร์มที่รองรับ
- XM WebTrader
- MetaTrader 4
- MetaTrader 5
ประเภทบัญชี
1) บัญชี Micro
2) บัญชี Standard
3) บัญชี XM Ultra Low
4) บัญชี Shares
จุดเด่น/จุดด้อย
| จุดเด่น | จุดด้อย |
|---|---|
|
- มีความน่าเชื่อถือสูง ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีชื่อเสียง - มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินและสินทรัพย์ - ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงิน - ยอดเงินฝากขั้นต่ำน้อย เพียง $5 (ราว 170 บาท) - มีโปรโมชันและโบนัสฟรี - เว็บไซต์และระบบค่อนข้างเสถียร ส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว - มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย - เหมาะสำหรับเทรดเดอร์รายย่อย และลูกค้าชาวไทย |
- ค่า Spread อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น ๆ - Leverage ต่ำ - ค่า Swap ค่อนข้างสูง - การถอนเงินไม่รองรับทุกธนาคารในไทย |
5. GMI Markets
GMI Markets เป็นโบรกเกอร์ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ Global Market Index Limited ก่อตั้งเมื่อปี 2009 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศวานูอาตู GMI Markets ถือเป็นโบรกเกอร์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในด้านการให้บริการที่ทันสมัย ด้วยโซลูชันเทคโนโลยีการซื้อขายที่ตอบโจทย์ลูกค้า
ใบอนุญาตและการรับรอง
- Financial Conduct Authority (FCA)
- Vanuatu Financial Services Commission (VFSC)
แพลตฟอร์มที่รองรับ
- GMI EDGE
- MetaTrader 4
ประเภทบัญชี
1) บัญชี Standard
2) บัญชี Standard Bonus
3) บัญชี Cent
4) บัญชี ECN
จุดเด่น/จุดด้อย
| จุดเด่น | จุดด้อย |
|---|---|
|
- ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ - มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินและสินทรัพย์ - ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงิน - ยอดเงินฝากขั้นต่ำอยู่ในระดับปานกลาง คือ $15 (ราว 500 บาท) - ไม่มีค่า Swap - มีระบบ Copy Trade - มีโปรโมชันและโบนัสฟรี - เว็บไซต์และระบบค่อนข้างเสถียร ส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว - มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย - เหมาะสำหรับเทรดเดอร์รายย่อย และลูกค้าชาวไทย |
- ค่า Spread ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับโบรกเกอร์อื่น ๆ - Leverage มีทั้งต่ำ กลาง สูง ขึ้นอยู่กับการจัดระดับของโบรกเกอร์ ไม่สามารถเลือกเองได้ - การถอนเงินไม่รองรับทุกธนาคารในไทย - แพลตฟอร์มที่รองรับมีน้อย |
6. Pepperstone
Pepperstone เป็นโบรกเกอร์สัญชาติออสเตรเลียที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดยทีมงานผู้มีประสบการณ์และความต้องการที่จะพัฒนาโลกของการซื้อขายออนไลน์ จากปัญหาการส่งคำสั่งซื้อขายล่าช้า ราคาแพง และการบริการลูกค้าที่ย่ำแย่ ดังนั้น Pepperstone จึงเป็นโบรกเกอร์ที่สร้างมาเพื่อเอาใจลูกค้าด้วยสเปรดที่ตํ่า และระบบที่มีเสถียรภาพค่อนข้างสูง
ใบอนุญาตและการรับรอง
- Australian Securities & Investment Commission (ASIC)
- Financial Conduct Authority (FCA)
- Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
- Securities Commission of The Bahamas (SCB)
แพลตฟอร์มที่รองรับ
- cTrader
- MetaTrader 4
- MetaTrader 5
ประเภทบัญชี
1) บัญชี Standard
2) บัญชี Razor
จุดเด่น/จุดด้อย
| จุดเด่น | จุดด้อย |
|---|---|
|
- ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ - มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินและสินทรัพย์ - ไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงิน - ยอดเงินฝากขั้นต่ำอยู่ในระดับปานกลาง คือ $20 (ราว 670 บาท) - ค่า Spread ต่ำ - มีระบบ Copy Trade - เว็บไซต์และระบบค่อนข้างเสถียร ส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว - มี VPS Hosting แต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย - รองรับหลายแพลตฟอร์ม - มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย - เหมาะสำหรับเทรดเดอร์รายย่อย และลูกค้าชาวไทย |
- มีประเภทบัญชีให้เลือกใช้น้อย - มีค่า Swap แต่ไม่สูงมาก เรียกเก็บทุก 10 วัน - Leverage ต่ำ - ไม่มีโปรโมชันและโบนัสฟรี - การฝากถอนเงินทำได้ค่อนข้างช้า เฉพาะวันทำการ - บัญชีทดลองมีอายุการใช้งานเพียง 30 วัน |
7. IC Markets
IC Markets โบรกเกอร์ยอดนิยมสัญชาติออสเตรเลียอีกตัวที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้ ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2007 โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายทำให้ดึงดูดลูกค้าจากทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่ถนัดเทรดสินทรัพย์หลายตัว และเทรดเดอร์สาย Scalping
ใบอนุญาตและการรับรอง
- Australian Securities & Investment Commission (ASIC)
- Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
- Financial Services Authority (FSA)
แพลตฟอร์มที่รองรับ
- cTrader
- MetaTrader 4
- MetaTrader 5
ประเภทบัญชี
1) บัญชี Standard
2) บัญชี Raw Spread (cTrader)
3) บัญชี Raw Spread
จุดเด่น/จุดด้อย
| จุดเด่น | จุดด้อย |
|---|---|
|
- ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ - มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินและสินทรัพย์ - ค่า Spread ต่ำ - มีระบบ Copy Trade - เว็บไซต์และระบบค่อนข้างเสถียร ส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว - มี VPS Hosting แต่ต้องมีปริมาณการเทรดขั้นต่ำ - รองรับหลายแพลตฟอร์ม - มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย - เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทยที่ค่อนข้างมีทุนทรัพย์ |
- มีประเภทบัญชีให้เลือกใช้น้อย - ยอดเงินฝากขั้นต่ำสูงถึง $200 (ราว 6,700 บาท) - มีค่าธรรมเนียมการฝากหรือถอนเงิน - การถอนเงินค่อนข้างยุ่งยาก และต้องรอนาน - ไม่มีโปรโมชันและโบนัสฟรี - มีค่า Swap แต่ไม่สูงมาก - Leverage ต่ำ - เว็บไซต์รองรับภาษาไทย แต่การแปลค่อนข้างเพี้ยน การใช้งานจึงค่อนข้างยาก ส่วนฝ่ายบริการลูกค้าชาวไทยก็มีน้อย |
8. FXTM
FXTM หรือ ForexTime Limited เป็นโบรกเกอร์ที่เติบโตเร็วอีกโบรกหนึ่ง โดยเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2011 จากทีมงานที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการเทรดทางออนไลน์ ทำให้มีลูกค้ากระจายตัวอยู่ทั่วทุกมุมโลก
ใบอนุญาตและการรับรอง
- Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)
- Financial Sector Conduct Authority (FSCA)
- Financial Conduct Authority (FCA)
- Financial Services Commission (FSC)
แพลตฟอร์มที่รองรับ
- MetaTrader 4
- MetaTrader 5
ประเภทบัญชี
1) บัญชี Micro
2) บัญชี Advantage
3) บัญชี Advantage Plus
จุดเด่น/จุดด้อย
| จุดเด่น | จุดด้อย |
|---|---|
|
- ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ - มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินและสินทรัพย์ - ยอดเงินฝากขั้นต่ำน้อย เพียง $10 (ราว 340 บาท) - Leverage สูง - มีระบบ Copy Trade - ส่งคำสั่งซื้อขายได้รวดเร็ว - มี VPS Hosting - รองรับหลายแพลตฟอร์ม - มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย - เหมาะสำหรับเทรดเดอร์รายย่อย และลูกค้าชาวไทย |
- มีประเภทบัญชีให้เลือกใช้น้อย - มีค่าธรรมเนียมการถอนเงิน - การถอนเงินค่อนข้างยุ่งยาก และต้องรอนาน - ไม่มีโปรโมชันและโบนัสฟรี - ค่า Spread สูง - มีค่า Swap สูง จำกัด Free Swap 7 วัน - มีค่าคอมมิชชัน - เว็บไซต์รองรับภาษาไทย แต่การแปลค่อนข้างเพี้ยน - เมื่อบัญชีไม่มีการใช้งานมากกว่า 6 เดือน จะมีการเก็บค่าธรรมเนียม 5 EUR/USD/GBP |
9. HFM
HFM หรือ HF Markets เดิมชื่อ HotForex ก่อตั้งเมื่อปี 2010 หลังจากนั้นก็ทำการรีแบรนด์ใหม่เป็นชื่อแบรนด์ของกลุ่มบริษัทที่ดำเนินงานในเขตอำนาจศาลที่แตกต่างกัน ซึ่งก็คือ HF Markets (Europe) Ltd. โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศ St. Vincent and the Grenadines การันตีด้วยรางวัลความสำเร็จอย่างมากมาย
ใบอนุญาตและการรับรอง
- Financial Conduct Authority (FCA)
- Dubai Financial Services Authority (DFSA)
- Financial Sector Conduct Authority (FSCA)
- Financial Services Authority (FSA)
- Capital Market Authority (CMA)
แพลตฟอร์มที่รองรับ
- HFM Platform
- MetaTrader 4
- MetaTrader 5
ประเภทบัญชี
1) บัญชี Micro
2) บัญชี Premium
3) บัญชี Zero Spread
4) บัญชี HFCopy
5) บัญชี Cent
จุดเด่น/จุดด้อย
| จุดเด่น | จุดด้อย |
|---|---|
|
- ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ - มีบริการทางการเงินที่หลากหลาย รองรับหลายสกุลเงินและสินทรัพย์ - ยอดเงินฝากขั้นต่ำน้อย เพียง $5 (ราว 170 บาท) - ค่า Spread อยู่ในระดับปานกลาง - มีโปรโมชันและโบนัสฟรี - มี VPS Hosting - รองรับหลายแพลตฟอร์ม - มีฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย - เหมาะสำหรับเทรดเดอร์รายย่อย และลูกค้าชาวไทย |
- มีค่าธรรมเนียมการถอนเงิน - การถอนเงินค่อนข้างช้า เฉพาะวันทำการ - Leverage ต่ำ - มีค่า Swap ค่อนข้างสูง - เว็บไซต์รองรับภาษาไทย แต่การแปลค่อนข้างเพี้ยน |
ทั้งหมดนี้ คือ 9 โบรกเกอร์ Forex ที่มีความน่าเชื่อถือ สามารถเทรดสกุลเงินต่าง ๆ รวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ ได้จริง ไม่เข้าข่ายหลอกลวง ไม่ใช่ลูกโซ่อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีโบรกเกอร์อื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถลงทุนได้จริงรอให้คุณผู้อ่านค้นหา โดยผู้ที่ต้องการเทรด Forex สามารถเข้าไปตรวจสอบใบอนุญาตที่โบรกนั้น ๆ ได้รับก่อนการเลือกโบรกเกอร์
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุน คือ การศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการจะลงทุน เพื่อไม่ให้เราตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และไม่ควรลงทุนตามหรือผ่านผู้อื่น แม้คนนั้นจะเป็นผู้มีชื่อเสียงก็ตาม การลงทุนนั้นควรกระทำด้วยตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนที่เกิดจากความไม่รู้ ด้วยความปรารถนาดีจากทีมงาน Fxbrokerscam
------------------------------------------------------------------------------
สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่
อ่านรีวิวโบรกเกอร์ที่ควรระวัง : คลิกที่นี่
อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM
