การเทรด Forex เป็นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของคู่เงินที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งการจะอยู่ในตลาด Forex ให้ได้อย่างยั่งยืน เทรดเดอร์จำเป็นต้องมีพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจ กลยุทธ์การเทรด การป้องกันความเสี่ยง ตลอดจน “การวิเคราะห์ Forex ที่ดี” เพราะหากคุณไม่สามารถวิเคราะห์ราคาคู่เงินได้ คุณก็ไม่ต่างจาก “นักพนัน” ดังนั้น คุณจึงต้องทำความเข้าใจในสินทรัพย์และปัจจัยที่ส่งผลต่อสินทรัพย์นั้น ๆ ให้ดีก่อนลงมือเทรดครับ
การวิเคราะห์ราคา Forex เทรดเดอร์จำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับกลยุทธ์และแนวทางการลงทุนของตัวเอง ซึ่งในบทความนี้จะพาไปรู้จัก “การวิเคราะห์ทางเทคนิค” กันครับว่า มันมีหลักการ ความสำคัญ และข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง
การวิเคราะห์ฟอเร็กซ์ (Forex Analysis) คือ วิธีการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคาคู่เงินในตลาด Forex เพื่อคาดการณ์ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาคู่เงิน โดยการวิเคราะห์ฟอเร็กซ์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
การเลือกใช้การวิเคราะห์แต่ละประเภทจะขึ้นอยู่กับแนวทางและกลยุทธ์ของเทรดเดอร์ ซึ่งอาจปรับใช้แบบผสมผสานทั้ง 2 วิธีการ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดก็ได้เช่นกันครับ
การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) คือ การศึกษารูปแบบการเคลื่อนที่ของราคาตราสารทางการเงินหนึ่ง ๆ โดยใช้เครื่องมือ สถิติ และตัวชี้วัด เพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบการเคลื่อนที่ของราคาสินทรัพย์นั้น ๆ ทำให้เทรดเดอร์สามารถระบุสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้
การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำคัญอย่างไร? อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นครับว่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคอาศัยเครื่องมือ สถิติ และตัวชี้วัดต่าง ๆ เพื่อระบุการเคลื่อนที่และแนวโน้มของราคาคู่เงิน ดังนั้น มันจึงช่วยให้การคาดการณ์ของคุณแม่นยำมากขึ้น เพราะการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะช่วยให้คุณทราบสิ่งต่อไปนี้ครับ
ผลงานในอดีต ทั้งการเคลื่อนที่ ความผันผวน และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ในอดีต
การเคลื่อนที่ของราคาคู่เงินในปัจจุบัน
ปริมาณการซื้อขาย
แนวรับและแนวต้าน
จุดเข้าและออกออเดอร์ที่เหมาะสม
สัญญาณของแนวโน้มในอนาคต
นักวิเคราะห์เทคนิคจำเป็นต้องมองหาเกณฑ์พื้นฐานในการวิเคราะห์ราคาคู่เงินจากปัจจัย ดังต่อไปนี้
“ราคา” ถือเป็นตัวชี้วัดหลักที่ใช้พิจารณาเมื่อทำการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพราะเทรดเดอร์จะสามารถระบุการเคลื่อนที่ของกราฟได้จากการเปรียบเทียบราคาของสินทรัพย์นั้น ๆ ในอดีตและปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้เทรดเดอร์ทราบถึงพฤติกรรมการซื้อขายของนักลงทุน และสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตได้
ไม่ว่าจะสินทรัพย์ใด ๆ ก็ล้วนมีขึ้นและลงตามสภาวะและปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งปริมาณการซื้อขายนอกจากจะส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์แล้ว ยังช่วยให้เทรดเดอร์ใช้เป็นตัวบ่งชี้ในการยืนยันแนวโน้มและหาสัญญาณการซื้อขายของสินทรัพย์นั้น ๆ ได้
ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวโน้มถือเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุด เพราะมันสามารถคาดการณ์ราคาของสินทรัพย์นั้น ๆ ในอนาคต อีกทั้ง ยังเป็นตัวที่ใช้แสดงถึงพฤติกรรมและอารมณ์ของนักลงทุน การเคลื่อนไหวของราคา ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา ซึ่งจะมีบทบาทต่อการวิเคราะห์และกำหนดจุดเข้าออกออเดอร์ต่อไป
หากสามารถบ่งชี้แนวโน้มของสินทรัพย์นั้น ๆ ได้ จะทำให้คุณหาระดับแนวรับและแนวต้านได้ง่ายขึ้น และสามารถหาจุดเข้าและออกออเดอร์ที่ดีที่สุดได้ต่อไป
นอกจากตัวบ่งชี้ข้างต้น เทรดเดอร์สามารถใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคอื่น ๆ เช่น Momentum, Moving Averages, RSI, MACD และ Oscillators มาประกอบการวิเคราะห์และพิจารณา เพื่อยืนยันแนวโน้มและหาสัญญาณซื้อหรือขายสินทรัพย์ ซึ่งเทรดเดอร์สามารถใช้ Indicator ต่าง ๆ ในการวิเคราะห์และหาตัวบ่งชี้เหล่านี้ได้ครับ
ปัจจัยทั้งหมดนี้ เป็นเพียงเกณฑ์พื้นฐานหลัก ๆ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคเท่านั้น ไม่สามารถการันตีผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ ดังนั้น คุณจึงต้องใช้การบริหารความเสี่ยงควบคู่กับการตั้ง Take Profit/Stop Loss ร่วมด้วย เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนอย่างสูงสุดครับ