List of content

Divergence คืออะไร? ทำกำไรได้อย่างไร? เทคนิคสำหรับเทรดเดอร์สายวิเคราะห์


Divergence คืออะไร? ทำกำไรได้อย่างไร? เทคนิคสำหรับเทรดเดอร์สายวิเคราะห์

หากกล่าวถึง Divergence นักลงทุนหลายคนคงเคยรู้จัก เนื่องจากเป็นเทคนิคการเทรดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ใช้หาจุดกลับตัวของราคาได้อย่างแม่นยำ ในบทความนี้จะพามารู้จักกับ Divergence คืออะไร? ทำกำไรได้อย่างไร? รวมทั้งมีวิธีการดูสัญญาณ Divergence และข้อจำกัดมีอะไรบ้าง บทความนี้จะพาไปหาคำตอบกันครับ

Divergence คืออะไร ? ทำกำไรได้อย่างไร?

คำว่า Divergence คืออะไร? ถือว่า เป็นเทคนิคและระบบเทรดที่สำคัญมาก สำหรับเทรดเดอร์สายวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ชอบซื้อ – ขายรวดเร็ว เข้าจุดที่กลับตัว เพราะจากสถิติแล้ว เมื่อราคาได้เกิด Divergence ขึ้นมา มักจะบอกว่า กลับตัวให้สัญญาณค่อนข้างรวดเร็ว และค่อนข้างแม่นยำ

เทรดเดอร์หลายคน จึงนิยมหา Divergence เพื่อใช้หาจุดเข้าซื้อ เป็นกลยุทธิ์ที่สามารถใช้ได้ทั้งเทรดเดอร์มือใหม่ และเทรดเดอร์มืออาชีพ เนื่องจาก ใช้เพียงราคาของคู่สกุลเงิน และ Indicator เพียง 2 สิ่งเท่านั้น เป็นเงื่อนไขในการเทรด ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เหมือนระบบเทรดอื่นๆ ที่ต้องใช้ Indicator หลายตัว มาคอนเฟิร์มในการเข้าออเดอร์

Divergence คืออะไร

Divergence คือ การขัดแย้งระหว่างราคา และอินดิเคเตอร์ (Indicators) คือ ราคาเคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่ง อินดิเคเอตร์เคลื่อนที่ไปยังทิศทางหนึ่ง ซึ่งนิยมใช้ กราฟแบบแท่งเทียน Candlestick Chart ถ้าหากว่ามี Divergence เกิดขึ้น การวิเคราะห์ทางเทคนิค คาดการณ์ว่า อาจจะเป็นสัญญาณการกลับตัวของราคา Divergence สามารถเกิดขึ้นได้กับทุก Indicator ไม่ว่าจะเป็น MACD, RSI หรืออื่นๆ ก็ตาม ดังนั้น ไม่ว่าเทรดเดอร์จะเลือก Indicator แบบไหน ก็สามารถเช็คหา Divergence ได้เสมอ

สัญญาณ Divergence

สัญญาณ Divergence จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 

1) Bullish Divergence :

เกิดในช่วงแนวโน้มขาลง แล้วกำลังจะกลับตัว เป็นขาขึ้น Divergence แบบนี้มีลักษณะ โดยราคาลงทำ Lower Low แต่ Indicator ทำ Higher Low เป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น วิธีการดูก็คือ ให้ดูการขัดแย้งกันของ Indicator ( RSI หรือ MACD ) กับ ราคา จากตัวอย่าง ดังรูปข้างล่าง จะเห็นว่า ราคาลดต่ำลงมาเรื่อยๆ แต่ MACD ทำจุดต่ำสุด 2 จุดยกสูงขึ้น นั่นแปลว่า ราคาอาจจะมีการกลับตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ให้เฝ้าที่มีสัญญาณแบบนี้ไว้ให้ดี

Divergence คืออะไร

Bullish Divergence 

 

ข้อควรระวัง : บางครั้งสัญญาณ bullish divergence เกิดขึ้นก็จริง แต่ราคาก็อาจจะไปได้ไม่ไกล นักลงทุนบางท่านขายไม่ทัน ทำให้กำไรอาจกลายเป็นขาดทุน ดังนั้น หากเราใช้สัญญาณ bullish divergence ร่วมกับ EMA10 หรือ EMA25 ด้วยแล้วละก็ จะทำให้แน่ใจได้ว่า สัญญาณอาจจะเป็นขาขึ้นจริง โดยมีจุดเข้าซื้อ เมื่อราคายืนเหนือเส้น EMA ได้

2) Bearish Divergence :

เกิดในช่วงแนวโน้มขาขึ้น แล้วกำลังกลับตัวลง Divergence แบบนี้มีลักษณะ โดยราคาขึ้นทำ Higher High แต่ Indicator ทำ Lower High เป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลง วิธีการดูก็คือ ให้ดูการขัดแย้งกัน ของ Indicator ( RSI หรือ MACD ) กับราคา

Divergence คืออะไร

Bearish Divergence

จากตัวอย่าง ดังรูปบน จะเห็นว่า ราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ MACD ทำยอดสูงสุด ลดต่ำลง นั่นแปลว่า ราคาอาจจะมีการกลับตัวเป็นขาลง ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถ้าใครมีหุ้นก็อย่าเพิ่งซื้อ แต่ให้เตรียมขายจะดีกว่า จุดขายที่ดี คือ เมื่อราคาปิดต่ำกว่าเส้น EMA10 หรือ EMA25 วัน จริงๆ แล้ว ไม่อยากให้ยึดติดกับตัวเลขจำนวนวัน ของ EMA เท่าไรนัก เพราะนักลงทุนแต่ละท่าน มีระยะการลงทุนที่ไม่เท่ากัน ดังนั้น ผมแนะนำว่า หากใครเล่นระยะไหน ก็ควรปรับเส้น EMA ตามสไตล์ของแต่ละคนจะดีกว่า

หลักการทำกำไร Divergence คืออะไร

เมื่อเกิด Bullish Divergence : เกิดในช่วงแนวโน้มขาลง ให้เทรดเดอร์เตรียมตัว Buy ทันที

เมื่อเกิด Bearish Divergence : เกิดในช่วงแนวโน้มขาขึ้น ให้เทรดเดอร์เตรียมตัว Sell ทันที

แต่ถ้าราคาไม่ขัดแย้งกัน หมายถึง ราคาและอินดิเคเตอร์ (Indicators) เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน เรียกว่า “Convergence”

ข้อจำกัดของ Divergence

1. Divergence ไม่ได้แม่นยำ 100%

Divergence ไม่ได้แม่นยำ 100% หมายความว่า เทคนิคของ Divergence ไม่ได้การันตีว่า จะสามารถเกิดแนวโน้มขาขึ้น-ขาลงได้ทั้งหมด เพียงแต่เป็นเทคนิคที่ช่วยคาดการณ์แนวโน้มที่เกิดขึ้น ดังนั้นเทรดเดอร์ควรวิเคราะห์แนวโน้มตลาด รวมทั้งประเมินความเสี่ยงที่ยมรับได้ ก่อนการเทรดทุกครั้ง 

2. จำเป็นต้องใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น

Divergence ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากยิ่งขึ้น เพราะเทคนิคเดียวไม่ได้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้ได้กับทุกสภาวะตลาด ดังนั้นเทรดเดอร์ควรเลือกใช้เครื่องมืออื่น ๆ เข้ามาช่วยด้วย

3. จุดเข้า-ออกไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย

เนื่องจากตลาดมีความผกผันอยู่เสมอ ทำให้เทรดเดอร์ต้องคาดการณ์ว่าในแต่ละวันตลาดมีแนวโน้มไปในทิศทางใด โดยศึกษาจากข่าวสารที่ส่งผลต่อตลาด ดังนั้น Divergence จึงเป็นหนึ่งในเทคนิคที่อาศัยการสังเกตกราฟ เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มที่เกิดขึ้น

สรุป Divergence คืออะไร

จากที่กล่าวมานี้ Divergence คือ การขัดแย้งระหว่างราคากับอินดิเคเตอร์ ทำให้การซื้อ-ขาย กลายเป็นจุดกลับตัว ซึ่งมีทั้งหมด 2 สัญญาณหลัก ได้แก่ Bullish Divergence และ Bearish Divergence อย่างไรก็ตาม Divergence ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง เช่น ไม่ได้แม่นยำ 100% เนื่องจากตลาดมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ดังนั้นเทรดเดอร์จำเป็นต้องศึกษาสภาวะของตลาดควบคู่ไปด้วย  

นอกจากนี้ ยังมีระบบเทรด Forex อีกมากมาย ที่สามารถจะทำกำไรได้ ในตลาด Forex และระบบที่ดีที่สุด ก็คือ ระบบบเทรด เทคนิคการเทรด และการวิเคราะห์ของตัวคุณเอง ซึ่งสไตส์เฉพาะตัวนั้น เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรพึงคำนึงว่า การที่อยู่รอดในตลาด Forex ได้นั้น จำเป็นต้องหาระบบเทรดของตัวเองให้เจอ เพราะระบบเทรดของตัวเอง จะทำให้เราสามารถแก้ไขสถานการณ์ในตลาดได้ ด้วยประสบการณ์ของตัวเราเอง สามารถดูเพิ่มเติมได้จากหัวข้อ รวมเทคนิคเทรด Forex ครับ 

อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ : Fxtoday, Thaiforexreview

---------------------------------------------------------------------------------------

สามารถศึกษาความรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่ง ดังต่อไปนี้ 

อัพเดตข่าวสารการลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ : คลิกที่นี่

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ยอดนิยมที่น่าใช้ : คลิกที่นี่

อ่านรีวิวโบรกเกอร์ที่ควรระวัง : คลิกทีนี่

อ่านบทความเพิ่มเติม : FXBROKERSCAM