List of content

สงคราม รัสเซีย - ยูเครน พ่นพิษเศรษฐกิจโลกตกต่ำปีนี้


สงคราม รัสเซีย - ยูเครน พ่นพิษเศรษฐกิจโลกตกต่ำปีนี้

ในขณะการรุกรานของรัสเซียในยูเครนก็ได้ผ่านมาร่วมเดือนแล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะดีขึ้นในเร็วๆนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ระหว่างสองประเทศแต่กลับสามารถสร้างผลกระทบในระดับโลกได้เลย และมีแนวโน้มว่าจะยืดเยื้อต่อไปอีก

โดยล่าสุด Richard Kozul-Wright นักเศรษฐศาสตร์การพัฒนาองค์การสหประชาชาติออกมาชี้ว่า การรุกรานของรัสเซียในยูเครนคือ “ปัจจัยหลัก” และอาจมีผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกของปีนี้ 1%

นอกจากนี้สงครามในยูเครนยังนำมาซึ่งปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นได้ทั่วโลกในตอนนี้ซึ่งหลายอย่างก็ได้ส่งผลต่อหลายๆประเทศแล้ว

 

จำนวนหนี้มหาศาล

ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนากำลังแบกรับภาระหนี้มูลค่าร่วมกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ที่มีความจำเป็นจะต้องจ่ายคืนให้กับเจ้าหนี้ หน่วยงานของ UN จึงติเตียนเรื่องมาตรการทางการเงินที่ไม่เพียงพอที่ได้ถูกดำเนินการไปแล้ว โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้หลายๆประเทศสามารถทนต่อความไม่แน่นอนของอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ราคาอาหาร และเชื้อเพลิงที่พุ่งสูงขึ้น การปฏิรูปการคลังพหุภาคีขายส่งในระดับและความทะเยอทะยานของแผนมาร์แชลของสหรัฐอเมริกาที่แบกรับยุโรปตะวันตกหลังสงครามโลกครั้งที่สอง จึงกลายเป็นสิ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนในการปรับปรุงสภาพคล่องทางการเงินของประเทศกำลังพัฒนาหรือแม้แต่ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้แย่ลงกว่าเดิม UNCTAD ยืนกรานว่าเป็นมาตรการที่เหมาะสมต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก

 

มาตรการที่ควรมี

Rebeca Grynspan เลขาธิการ อังค์ถัด (UNCTAD) กล่าวว่า “ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอยอย่างรวดเร็ว และหากคิดว่าในปีนี้ หลังจากการเผชิญหน้า วิกฤตโควิด-19 มาเป็นเวลา 2 ปี อัตราการเติบโตเฉลี่ยของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ที่ร้อยละ 2.6 ลดลงจากร้อยละ 5.5 ของปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าลดลงจากการคาดการณ์ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ไปอีก” Rebeca Grynspan ยังเรียกร้องให้มี "มาตรการฉุกเฉินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก" กล่าวคือ การเปิดใช้งานเครื่องมือทางการสนับสนุนทางการเงินที่รวดเร็ว ซึ่ง IMF สามารถจัดหาได้อยู่แล้ว เพื่อที่จะช่วยเหลือประเทศที่มีปัญหาเรื่องดุลการชำระเงินที่ใกล้จะเกิดขึ้นได้ในเร็วนี้

หัวหน้าอังค์ถัด (UNCTAD) กล่าวว่า “สถานการณ์กำลังแย่ลงสำหรับทุกคน”  โดยให้สังเกตุว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศมีส่วนอย่างไร ควบคู่ไปกับความแห้งแล้งที่ต่อเนื่องกันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของแอฟริกา การระบาดที่กว้างของโควิด-19 และสงครามในยูเครน ในขณะเดียวกัน แม้แต่ประเทศที่ค่อนข้างมั่งคั่งซึ่งกำลังต่อสู้กับแรงกดดันด้านค่าครองชีพมากมาย ก็ได้ทำการขอความช่วยเหลือจากเครือข่ายระหว่างประเทศเพื่อให้ประเทศของตนอยู่รอด “ปากีสถานพึ่งกลับไปพึ่งพา IMF เมื่อปลายปีที่แล้ว” Kozul-Wright กล่าว “ตอนนี้ศรีลังกาก็กลับพึ่ง IMF เช่นกันเพื่อจัดการโครงการนี้ ส่วนอียิปต์ ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการแล้ว ได้กลับไปพึ่ง IMF เพื่อเจรจาใหม่ และประเทศเหล่านี้คือประเทศที่ยังไม่ได้พัฒนาแล้วด้วยซ้ำ เพียงแต่เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลางและอยู่ภายใต้แรงกดดันทางเศรษฐกิจที่รุนแรงมากอยู่แล้วและในบางกรณีก็ได้รับผลจากการเมือง ซึ่งเป็นผลมาจากความตกใจที่พวกเขาเผชิญอยู่ในขณะนี้”

 

ผลกระทบผู้นำเข้า

อังค์ถัด (UNCTAD) ชี้ว่า แท้จริงแล้วกลุ่มประเทศยากจนและพึ่งพาการนำเข้ามากที่สุด จะรับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก  “ประเทศกำลังพัฒนากำลังแบกรับภาระหนักอึ้งเนื่องจากราคาอาหารที่สูงขึ้น พลังงานและปุ๋ยที่สูงชันมาก และรวมถึงการยืดเยื้อทางการเงินที่ประเทศกำลังพัฒนาอยู่กำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอยู่แล้วด้วย” Rebeca Grynspan กล่าวเพิ่ม แม้ว่า “ทุกภูมิภาคของเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้” Kozul-Wright แนะนำว่า “ผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ระดับสูง” มีแนวโน้มที่จะทำการส่งออกได้ดีจากราคาที่สูงขึ้น “แต่สหภาพยุโรปจะเห็นการเติบโตแบบถดถอยที่ชัดเจนในปีนี้ เช่นเดียวกับภูมิภาคบางส่วนของเอเชียกลางและใต้” เขากล่าว

ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของอังค์ถัด (UNCTAD) รวมถึงความจำเป็นในการปฏิรูปการเงินทั่วโลกเพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนามีพื้นที่ทางเศรษฐกิจสำหรับ "การเติบโตที่สมเหตุสมผล" เพื่อให้ประเทศเหล่านี้สามารถลดะดับหนี้ที่มีอยู่ได้

Richard Kozul-Wright กล่าวว่า “การให้บริการกู้ยืมและชำระในปี 2020 สำหรับประเทศกำลังพัฒนา (ซึ่งไม่รวมจีนนั้นมีอยู่แล้ว) มีมากกว่า1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นแรงกดดันทางการเงินที่ประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญอยู่”  “เรารู้และเคยโต้เถียงกันในอดีตมาแล้วว่า ความคิดริเริ่มจาก G20, Debt Service Suspension Initiative นั้นเป็นที่ยอมรับ เรายินดีที่จะรับมัน แต่เห็นได้ชัดว่ามันยังไม่เพียงพอ มันให้บางสิ่งที่มีมูลค่ารวม ๆ 11 พันล้านดอลลาร์ สำหรับบางประเทศเท่านั้น ”

 

จากที่เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้กำลังสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างและมีท่าทีว่าจะไม่ดีขึ้นในเร็วๆนี้ หลายฝ่ายจึงควนให้ความสำคัญกับวิกฤตในยูเครนในครั้งนี้อย่างมาก